ใส่ใจฐานรากถ้าไม่อยากให้บ้านร้าว

สร้างบ้านเสร็จแล้วพบรอยแตกร้าว ถือเป็นปัญหาเบสิกที่เจอได้แทบทุกบ้าน บ้านไหนสร้างแล้วไม่พบรอยร้าวเลยต้องบอกว่าโชคดีมากๆ เพราะบ้านส่วนใหญ่มักมีรอยร้าวเกิดขึ้นหลังจากสร้างเสร็จไม่มากก็น้อย บางรอยร้าวเกิดขึ้นหลังจากสร้างไม่นาน แต่บางรอยร้าวก็เพิ่งเกิดเมื่อผ่านมานานหลายเดือนหรือเป็นปีๆ แล้ว รอยร้าวส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ผนังบ้าน แต่บางกรณีก็อาจพบเจอรอยร้าวที่เสา คาน หรือฝ้าเพดานได้เช่นกันครับ

รอยร้าวประเภทที่พบเจอได้บ่อยที่สุดคือรอยแตกลายงาหรือรอยร้าวเล็กๆ ซึ่งไม่ถึงกับมองเห็นเนื้ออิฐด้านใน รอยร้าวประเภทนี้มักเกิดที่พื้นผิวของปูนฉาบ ไม่มีอันตรายใดๆ เพราะไม่ได้เกิดจากปัญหาโครงสร้างหรือฐานรากของบ้าน ส่วนใหญ่รอยร้าวลักษณะนี้จะเกิดขึ้นหลังจากสร้างบ้านเสร็จไม่นาน และความกว้าง-ความยาวจะไม่ขยายตัวออกไป ข้อเสียของรอยร้าวลักษณะนี้มีอยู่อย่างเดียวคือดูไม่สวยงาม ส่วนวิธีแก้ไขก็ไม่ยาก ง่ายที่สุดคือหาพวกเคมีโป๊วผนังอุดรอยแตกร้าวมาใช้แล้วทาสีทับ

ส่วนกรณีที่รอยร้าวมีขนาดกว้างจนมองเห็นเนื้ออิฐด้านใน หรือถึงขั้นมองลอดไปอีกฝั่งได้ อีกทั้งมีการขยายตัวใหญ่ขึ้น โดยมากแล้วมักเกิดปัญหาจากฐานรากที่ไม่มั่นคงพอ เช่น ไม่ได้ตอกเสาเข็ม, ทำฟุตติ้งหรือตอม่อไม่ได้มาตรฐาน, หล่อคานไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น ซึ่งรอยร้าวลักษณะนี้ถือว่าร้ายแรงและเป็นอันตราย ควรปรึกษาวิศวกรให้มาช่วยตรวจสอบ เพราะมีโอกาสที่บ้านจะทรุดพังลงมาได้

เรื่องสำคัญก่อนการสร้างบ้านที่เจ้าของบ้านควรใส่ใจคือ อย่าคิดประหยัดค่าใช้จ่ายโดยละเลยการทำฐานรากให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการตอกเสาเข็ม พื้นที่จังหวัดไหนภาคไหนจำเป็นต้องตอกเสาเข็มหรือไม่ หรือสามารถตอกเสาเข็มได้หรือเปล่า ควรปรึกษาผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์หรือปรึกษาวิศวกรโดยตรง แต่โดยปกติแล้วพื้นที่บริเวณกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวมถึงโซนภาคตะวันออก ล้วนจำเป็นต้องตอกเสาเข็มก่อนสร้างบ้านทั้งสิ้น เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม สภาพชั้นดินเป็นดินเหลว

เจ้าของบ้านบางคนคิดผิดๆ ว่าไม่จำเป็นต้องตอกเสาเข็มก็ได้ หรือมีงบประมาณน้อย เลยไม่ตอกเสาเข็มก่อนสร้างบ้าน สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่อง “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” แทนที่จะได้บ้านที่แข็งแรงคงทนอยู่ไปได้หลายสิบปี บ้านกลับแตกร้าวหลังจากสร้างเสร็จได้ไม่นาน บางหลังถึงกับต้องทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ แทนที่จะเสียเงินน้อย กลายเป็นเสียมากไปกว่าเดิมหลายเท่าเหตุเพราะละเลยความมั่นคงของฐานราก

จำได้เลยครับว่า ฐานรากของบ้านคือส่วนที่สำคัญที่สุด หากฐานรากไม่มั่นคงแข็งแรงได้มาตรฐาน ตัวบ้านจะมีดีไซน์สวยงามน่าอยู่ขนาดไหน บ้านสวยๆ หลังนั้นก็อาจรอวันแตกร้าวและพังลงมาได้ทุกเวลา ประหยัดอะไรก็ประหยัดได้ แต่ฐานรากของบ้าน ห้ามประหยัดเด็ดขาดครับ

เลือกผู้รับเหมาแบบนี้ไม่มีโดนเท

เมื่อคิดจะสร้างบ้านสักหลัง ปัญหาน่าปวดหัวที่สุดของเจ้าของบ้านคือจะหาผู้รับเหมาจากไหน แล้วจะเลือกผู้รับเหมารายไหนดี มีอะไรต้องพิจารณาบ้างเพื่อไม่ให้ถูก “เท” หรือทิ้งงาน เจ้าของบ้านหลายคนตัดสินใจเลือกใช้ผู้รับเหมาที่พอรู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพราะอย่างน้อยก็น่าจะเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง บางคนก็ใช้บริการผู้รับเหมาที่เป็นญาติของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะรอดพ้นจากการถูกโกงอยู่ดี ต่อให้เป็นคนรู้จักหรือเป็นเครือญาติกัน เจ้าของบ้านก็ยังถูกผู้รับเหมาทิ้งงานมานักต่อนัก

ประเด็นเกี่ยวกับเทคนิคในการเลือกผู้รับเหมานี้ เว็บไซต์ของเราเคยแนะนำไปอย่างละเอียดแล้วในบทความชื่อ “เลือกผู้รับเหมายังไงไม่ให้ถูกโกงหรือทิ้งงาน” แต่เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าของบ้านจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบอ่านบทความยาวๆ ที่มีรายละเอียดเยอะๆ ด้วยเหตุนี้ โพสต์นี้เราจึงจะมาสรุปแบบรวดรัดตัดตอนสั้นๆ กันไปเลยว่า เงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณไม่ถูกผู้รับเหมาทิ้งงานคืออะไร

สรุปแบบฟันธงเลยนะครับ ถ้าไม่อยากถูกผู้รับเหมาทิ้งงานละก็…

ให้เลือกผู้รับเหมาที่ลงมือทำก่อนเบิกครับ

ผู้รับเหมาสร้างบ้านส่วนใหญ่มักจะมีการขอเบิกล่วงหน้าหรือที่เรียกว่า “แอ็ดวานซ์” ก่อนลงมือทำงาน เช่น เบิกก่อน 30% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ตกลงกันไว้ เมื่อเจ้าของบ้านจ่ายเงินล่วงหน้าแล้ว จึงค่อยมาลงมือปลูกสร้างบ้านให้ โดยมากแล้วผู้รับเหมาจะใส่เงื่อนไขนี้ไว้ในสัญญากันทั้งนั้น เจ้าของบ้านก็เลยคิดไปว่าการจ่ายแอ็นวานซ์ก่อนเป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ

เรื่องที่เจ้าของบ้านจำนวนมากไม่รู้ก็คือ ผู้รับเหมาที่ไม่ขอเบิกล่วงหน้าก็มีครับ

ผู้รับเหมาที่ไม่เบิกล่วงหน้า จะมาลงมือทำงานให้ก่อน เช่น ลงมือตอกเสาเข็มก่อน โดยเจ้าของบ้านยังไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายแม้แต่บาทเดียว เมื่องานส่วนแรกแล้วเสร็จตามที่ตกลงกันไว้ เจ้าของบ้านค่อยจ่ายเงินงวดแรก เท่ากับว่างานจะเดินหน้าเสร็จไปทีละขั้นก่อนเสมอ แล้วเจ้าของบ้านค่อยจ่ายเงินตามหลังงวดงาน

ผู้รับเหมารายไหนไม่ขอเบิกแอ็ดวานซ์ แปลว่าเป็นผู้รับเหมาที่มีเงินทุนสำรองไว้หมุนใช้จ่าย ไม่ใช่ประเภทที่ต้องรอเบิกจากเจ้าของบ้านแล้วงานถึงจะเดินได้ เมื่อมีทุนสำรอง ต่อให้สร้างบ้านไปเรื่อยๆ แล้วไม่เหลือกำไร ก็ยังมีทุนสำรองนำมาใช้สร้างบ้านให้ลูกค้าจนเสร็จได้ ผิดกับผู้รับเหมาที่ไม่มีทุนสำรอง ต้องเบิกเงินไปทำทีละงวด เมื่อเกิดปัญหาเรื่องการคิดคำนวณค่าใช้จ่าย หรือเห็นว่าขาดทุนแน่ๆ ก็มักเลือกทิ้งงานไปทันที เพราะไม่มีเงินมาปิดงานให้แล้วเสร็จได้

การขอเบิกล่วงหน้ายังเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเข้ามาหาทางโกงกินโดยสวมบทบาทผู้รับเหมา มิจฉาชีพพวกนี้จะพยายามเขียนสัญญาโดยเบิกเงินล่วงหน้างวดแรกๆ ให้สูงเข้าไว้ จากนั้นก็มาลงมือสร้างให้เจ้าของบ้านตายใจ และเพื่อไม่ให้เข้าข่ายฐานความผิดทางอาญา พอได้เบิกงวดที่สองหรืองวดที่สาม ก็จะทิ้งงานทันที แล้วไปหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป

ไม่เชื่อลองสอบถามเจ้าของบ้านที่ถูกทิ้งงานดูก็ได้ครับ ร้อยทั้งร้อยล้วนใช้บริการของผู้รับเหมาที่ขอเบิกล่วงหน้าก่อนทั้งนั้น

แต่ถ้าเป็นผู้รับเหมาที่ไม่เบิกล่วงหน้า จะไม่สามารถทิ้งงานได้ เพราะต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยเบิกตามหลัง หากทิ้งงาน ก็แปลว่าตัวเองขาดทุน ผู้รับเหมาแบบนี้มีแต่ต้องพยายามรีบจบงานในงวดๆ นั้น เพื่อจะได้เบิกเงินจากเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านจึงหมดกังวลเรื่องถูกทิ้งงานไปได้ แค่ระมัดระวังเรื่องสเป็กวัสดุ และตรวจสอบขั้นตอนการก่อสร้างให้ได้มาตรฐานเท่านั้น

ใครกำลังคิดจะสร้างบ้านสักหลัง แนะนำให้ตั้งเป็นกฎเหล็กไว้ในใจตัวเองเลยว่า ต้องหาผู้รับเหมาที่ไม่เบิกล่วงหน้า ยังหาไม่ได้ก็พยายามหาต่อไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อนเด็ดขาด เพราะหากถูกทิ้งงานขึ้นมา อาจเกิดความเสียหายหลักแสนหรือหลักล้าน

เมื่อเจอผู้รับเหมาที่ลงมือทำก่อนเบิกเมื่อไหร่ ก็สบายใจได้ว่าโอกาสถูกทิ้งงานแทบไม่มี เพราะผู้รับเหมาประเภทนี้มีทุนสำรอง มีความน่าเชื่อถือในด้านการเงิน เขาต้องออกทุนเพื่อลงมือสร้างบ้านให้เราก่อน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทิ้งงานให้ตัวเองขาดทุนย่อยยับ

หรือต่อให้คุณโชคร้ายถูกทิ้งงานจริงๆ ละก็ เงินที่เสียไปกับหน้างานที่คืบหน้าก็จะใกล้เคียงกัน เท่ากับเจ้าของบ้านไม่ได้เสียเปรียบหรือขาดทุน ยังมีเงินเหลือไปจ้างผู้รับเหมาชุดอื่นมาจบงานได้

แต่ถ้าว่าจ้างผู้รับเหมาที่มีเงื่อนไขขอเบิกล่วงหน้า แล้วเราหลงไว้ใจยอมให้เบิกล่วงหน้าไปหลายๆ งวดหรือเบิกไปทั้งหมด คราวนี้ถ้าผู้รับเหมาทิ้งงานขึ้นมา เราจะได้แค่โครงบ้านที่สร้างไม่เสร็จไว้ดูต่างหน้า มิหนำซ้ำยังไม่เหลือเงินพอ่จะไปจ้างผู้รับเหมารายอื่นมาทำต่อให้เสร็จอีกด้วยครับ

ถมดินนานแค่ไหนถึงสร้างบ้านได้

เมื่อวางแผนจะสร้างบ้านใหม่ สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักทำกันก็คือถมที่ดินเตรียมไว้สำหรับสร้างบ้าน สาเหตุที่เราต้องถมที่ดินก็เพื่อปรับหน้าดินให้เรียบ ง่ายต่อการก่อสร้าง อีกทั้งปรับระดับผิวดินให้สูงขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าระดับผิวถนนใกล้เคียง เพื่อไม่ให้ฝนตกแล้วน้ำไหลเข้ามาท่วมบ้าน

และคำถามหนึ่งที่คนอยากสร้างบ้านมักจะถามกันก็คือ ต้องถมที่ดินทิ้งไว้นานแค่ไหนจึงจะเริ่มลงมือสร้างบ้านได้

หากเรานำคำถามนี้ไปถามคนชาวบ้าน 10 คน ก็มักจะได้คำตอบที่แตกต่างกันไป 10 แบบ บางคนบอกว่าไม่ต้องรอ สร้างบ้านได้เลย บางคนบอกให้ผ่านหน้าฝนสัก 1 รอบ บางคนบอกให้รอ 6 เดือน บางคนบอกให้รอ 1-2 ปี หรือบางคนให้รอ 5 ปีขึ้นไปเพื่อให้ดินอยู่ตัวก็มี ความจริงคือไม่มีใครบอกเป็นตัวเลขที่ชัดเจนตายตัวได้ว่า ควรรอนานแค่ไหนดินถึงจะอยู่ตัว เนื่องจากคุณสมบัติของพื้นดินในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ความสูงในการถมดินของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน สภาพแวดล้อมทุกอย่างแตกต่างกันหมด

แต่ถ้าเราไปถามวิศวกรด้วยคำถามเดียวกันว่า ต้องถมดินนานแค่ไหนถึงสร้างบ้านได้ วิศวกรจะตอบว่าไม่ต้องรอ ถมดินเสร็จก็ปลูกสร้างบ้านได้ทันที

เพราะตามหลักวิศวกรรมโยธาแล้ว สิ่งที่ใช้รับน้ำหนักของตัวบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ไม่ใช่ผิวดินที่อยู่ด้านบน แต่เป็นชั้นดินดานหรือชั้นดินแข็งซึ่งอยู่ลึกลงไป โดยมีเสาเข็มเป็นตัวรับน้ำหนักโครงสร้างบ้านและถ่ายน้ำหนักลงสู่ชั้นดินดานอีกต่อหนึ่ง หรือพูดง่ายๆ ว่าเสาเข็มจะทำหน้าที่รับน้ำหนักของบ้าน ไม่ใช่ผิวดินที่เรามองเห็น เราจึงไม่จำเป็นต้องรอหลังจากถมดิน แต่สามารถปลูกสร้างบ้านได้ทันทีโดยตอกเสาเข็มให้ได้มาตรฐานภายใต้การควบคุมดูแลของวิศวกร

รู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องถมดินทิ้งไว้นานๆ ให้เสียเวลาอีก พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงมือสร้างบ้านได้เลย ขอแค่เลือกบริษัทรับเหมาที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้ และในขั้นตอนการตอกเสาเข็มและการวางโครงสร้างฐานรากต่างๆ ต้องมีวิศวกรโยธาควบคุมดูแลเท่านั้น รับรองว่าคุณจะได้บ้านหลังสวยที่ไม่ทรุดไม่พังแม้ว่าจะสร้างทันทีหลังจากถมดินเสร็จก็ตามครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *